บทความ
Article
ประเภทขนของสุนัข
(Dog coat type)
🐶 ขนสุนัขประเภท "Hairless หรือไม่มีขน"
🤍 ลักษณะของเส้นขน
ขนชนิด Hairless คือกลุ่มสุนัขที่ไม่มีขน โดยเป็นผลมาจากยีนพันธุกรรม ถึงแม้จะไม่มีขนให้ดูแล แต่ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษเช่น การอาบน้ำเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและทำความสะอาดผิวหนัง การใช้ moisterising cream เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นผิวหนัง การทาครีมกันแดดสำหรับสัตว์เลี้ยงเพื่อป้องกัน sunburn
🤍 ตัวอย่างสายพันธุ์
American Hairless Terrier, Peruvian Inca Orchid, Xoloitzcuintli, Chinese Crested
🐶 ขนสุนัขประเภท "Smooth Coat หรือขนชนิดนุ่มสั้น"
🤍 ลักษณะของเส้นขน
เส้นขนจะมีลักษณะสั้น ชิดกับผิวหนัง มีลักษณะนุ่มลื่นและเงางาม จัดเป็นขนประเภทหนึ่งที่ดูแลได้ง่ายที่สุด โดยทั่วไปขนชนิดนี้สามารถพบการผลัดขน (shedding) ค่อนข้างน้อย-ปานกลาง แต่ในบางครั้งอาจมีปัญหาผลัดขนมกกว่าปกติได้ จึงต้องหมั่นแปรงขน
🤍 การดูแลเส้นขน
นิยมใช้แปรงชนิด Deshedding brush (เช่น Furminator) เพื่อนำเศษขนหลุดร่วงหรือขนที่ตายแล้วออก และใช้แปรงกลุ่มขนหมู (Bristle brush) โดยการแปรงขนจะช่วยกระตุ้นให้ผิวหนังผลิต Natural oil ออกมายังเส้นขน จะทำให้ขนดูเงางาม และสุขภาพดี
สำหรับการอาบน้ำแนะนำให้เลือกใช้แชมพู Deshedding shampoo ที่ออกแบบมาพิเศษสำหรับลดปัญหาขนร่วง และสุดท้ายด้วยการพ่นสเปรย์ (Coat spray) เพื่อบำรุงเส้นขนให้นุ่มและเงางามยิ่งขึ้น
🤍 ตัวอย่างสายพันธุ์
Beagle, boston terrier, bulldog, dalmatian, italian greyhound, pug, vizsla, weimaraner
🐶 ขนสุนัขประเภท "Rough Coat หรือขนชนิดขนหยาบ"
🤍 ลักษณะของเส้นขน
ขนชนิดนี้จะมีลักษณะเส้นขนหยาบ และรู้สึกกระด้าง แข็ง (coarse) เวลาสัมผัส ตัวอย่างเช่น สุนัขสายพันธุ์ Rough Collie ลักษณะขนภายนอกอาจดูนุ่มและฟู แต่เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกหยาบแข็ง โดยคุณสมบัติเด่นของขนชนิดนี้มีไว้เพื่อปกป้องร่างกายจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ทั้งแสงแดด ลมหรือน้ำ
🤍 ตัวอย่างสายพันธุ์
Rough Collie, Belgian Laekenois, Bouvier des Flandres, Otterhound, Petit Basset Griffon Vendéen
🐶 ขนสุนัขประเภท "Silky Coat หรือขนชนิดซิลค์"
🤍 ลักษณะของเส้นขน
หนึ่งในขนที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุด จากลักษณะขนเส้นยาว นุ่ม ละเอียด เรียงตัวสวย และเงางามเป็นประกาย และคล้ายกับเส้นผมคน ขนชนิด Silky เป็นชนิดขนที่ต้องได้รับการดูแลสูงมาก เนื่องจากเส้นขนพันกันได้ง่าย แนะนำให้ใช้หวีร่วมกับแปรงชนิด pin เป็นประจำเพื่อลดการเกิดปมขนพันกัน และแนะนำการใช้ร่วมกับสเปรย์ขนเพื่อลดไฟฟ้าสถิตย์
🤍 ตัวอย่างสายพันธุ์
Afghan hound, Cavalier King Charles Spaniel, Cocker spaniel, Havanese, Lhasa Apso, Maltese, Papillon, Yorkshire terrier, Irish setter, Silky terrier
🐶 ขนสุนัขประเภท "Curly Coat หรือขนชนิดหยิก"
🤍 ลักษณะของเส้นขน
ขนชนิดนี้จะมีลักษณะหยิก ม้วนขดกัน จะมีสัมผัสที่นุ่ม และมักไม่ผลัดขน (non-shedding) แต่ด้วยลักษณะหยิกของขนชนิดนี้จึงมักทำให้ขนพันกันง่าย แนะนำให้หมั่นแปรงขนเป็นประจำอย่างน้อย 3ครั้ง/สัปดาห์ นอกจากนี้มักพบปัญหาสิ่งสกปรก สะสม และอุดตันในชั้นขนได้ง่ายกว่าสุนัขขนชนิดอื่น จึงต้องรักษาความสะอาดมากเป็นพิเศษ
🤍ตัวอย่างสายพันธุ์
Bedlington terrier, Bichon Frise, Poodle, Curly-coated retriever
🐶 ขนสุนัขประเภท "Wiry Coat หรือขนชนิดขดลวด"
🤍 ลักษณะของเส้นขน
ขนชนิด Wiry/Wire/Broken coat ขนชนิดนี้จะมีลักษณะคล้ายขดลวด (wire) มีสัมผัสที่แห้งกระด้าง ในบางตำแหน่งขนจะพุ่งชี้ออกมาเช่น บริเวณหาง ส่วนด้านหลังของขา และบนใบหน้า จึงทำให้สุนัขกลุ่มนี้มักมีเอกลักษณ์โดดเด่น คือมีหนวดเครา และคิ้วชัดเจน ด้วยความพิเศษของขนชนิดนี้ทำให้ต้องดูแลกันเป็นพิเศษ เพื่อให้ขนมีลักษณะเป็นขดลวดที่สวยงาม แนะนำการใช้แชมพูกลุ่ม Coarse coat shampoo และหลีกเลี่ยงการใช้คอนดิชันเนอร์ ยกเว้นต้องการให้ขนนุ่มขึ้น
🤍 ตัวอย่างสายพันธุ์
Brussels Griffon, Schnauzer, Irish terrier, Scottish terrier, Welsh Terrier, Wirehaired Vizsla, Airedale terrier, Affenpinscher
🐶 ขนสุนัขประเภท "Wavy Coat หรือขนชนิดหยักศก"
🤍 ลักษณะของเส้นขน
ขนแบบหยักศก มีลักษณะเป็นลอนยาว ดูสวยงาม ขนชนิดนี้มักไม่ค่อยผลัดขน การดูแลขนประเภทนี้ ควรหมั่นดูแลโดยการแปรงด้วย Pin brush เป็นประจำ
🤍ตัวอย่างสายพันธุ์
Border collie, Brittany, Briard
🐶 ขนสุนัขประเภท "Double Coat หรือขนชนิดสองชั้น"
🤍 ลักษณะของเส้นขน
ขนสุนัขแบบ 2 ชั้น จะประกอบไปด้วย
-
ขนนั้นนอก (Outer coat, guard coat) มีลักษณะแห้ง หยาบ และมีหน้าที่ช่วยปกป้องร่างกายจากแสงแดดและน้ำ
-
ขนชั้นใน (Undercoat) มีลักษณะนุ่ม หนาและแน่น มีหน้าที่ช่วยกักเก็บความอบอุ่นในอากาศภายนอกที่เย็น และรักษาความเย็นในช่วงอากาศภายนอกร้อน
เพื่อให้การทำงานของขนชั้นแต่ละชั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรหมั่นแปรงขนอย่างน้อย 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ นอกจากนี้การแปรงขนจะช่วยลดการพันกันของขนได้อย่างดีเยี่ยม โดยแปรงที่แนะนำให้ใช้ได้แก่
-
แปรง Slicker
-
แปรง Undercoat rake หรือ Deshadder
-
แปรง Dematter สำหรับกรณีขนพันกัน
สุนัขขนประเภท 2 ชั้น มักมีการผลัดขนตามฤดู โดยตามปกติจะพบเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงฤดูใบไม้ร่วง จะมีการผลัดขนเก่าออก เพื่อเตรียมขนใหม่สำหรับเข้าหน้าหนาว และช่วงฤดูใบไม้ผลิ จะมีการผลัดขนหนาๆออก เพื่อเตียมตัวเข้าช่วงหน้าร้อน
🤍 ตัวอย่างสายพันธุ์
Alaskan malamute, Siberian husky, Cardigan/Pembroke welsh corgi, Chow chow, Samoyed, Pomeranian, Golden retriever, Japanese spitz, Pekingese,Shih Tzu, West Highland White terrier (westie)
🐶 ขนสุนัขประเภท "Corded coat หรือขนชนิดคอร์ด"
🤍 ลักษณะของเส้นขน
ขนชนิดนี้มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์มากคือ ขนจะม้วนขดกันเป็นเกลียว คล้ายหลอด หรือบางคนอาจมองคล้ายกับผมทรงเดรดล็อค (Dreadlocks) หรือแม้กระทั่งไม้ม็อบได้ ขนประเภทนี้มักไม่ผลัดขน
🤍 ขนประเภทนี้เกิดได้อย่างไร
ในวัยเด็กสุนัขจะมีขนที่นุ่มและหยักศก แต่เมื่อเริ่มโตเต็มวัย ขนชั้นนอกจะเริ่มมีการพันกับขนชั้นใน เกิดเป็นลักษณะเกลียวคอร์ด (cord) เพื่อให้ลักษณะเกลียวมีความสวยงาม และเป็นแท่ง จะไม่นิยมแปรงขน แต่ต้องหมั่นกำจัดสิ่งสกปรก เพื่อให้ขนสะอาดและสุขภาพดี การอาบน้ำสามารถทำได้ด้วยความระมัดระวังไม่ให้เกลียวคอร์ดคลายออก โดยแนะนำให้ใช้แชมพูที่เจือจางและอ่อนโอน และไม่ควรขยี้หรือถูให้ลอนคลายตัว
🤍ตัวอย่างสายพันธุ์
Komondor, Spanish water dog, Puli, Bergamasco sheepdog